พื้นฐาน Poker รวบรวมพื้นฐานสำหรับผู้ที่สนใจจะเล่นโป๊กเกอร์

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน จากครั้งที่แล้วที่ผมได้พูดถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของโป๊กเกอร์ในบทความ Poker คืออะไร กันไปเรียบร้อยแล้ว ในบทความนี้ผมจะมาอธิบายถึงการเล่นไพ่โป๊กเกอร์กันว่า พื้นฐาน Poker มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง ซึ่งอาจจะดูเป็นเกมไพ่ที่เหมือนจะเล่นยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากอย่างที่คิดครับ จะมีรายละเอียด และวิธีเล่นยังไงไปดูกันเลย

 

Poker

โป๊กเกอร์ (Poker) เป็นเกมไพ่รูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมเล่น และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นเกมที่เล่นกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ด้วยไพ่ 1 สำรับ สามารถมีผู้ชนะมากกว่า 1 คนได้ในกรณีที่เสมอ การเล่นจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันโดยไม่มีเจ้ามือ มีรูปแบบการเล่นประยุกต์หลายรูปแบบทั้ง Texas Hold’em, Omaha, 7/5 Stud และ Mix game แบบอื่นๆ ที่ให้ความสนุกแตกต่างกันไป

วิธีการเล่นโป๊กเกอร์นั้นไม่ได้ยากเลย ใช้เวลาศึกษาตัวเกมไม่นานก็จะเข้าใจถึงวิธีการเล่น แต่การจะเล่นให้เก่ง และชนะบ่อยๆ นั้นค่อนข้างต้องใช้เวลาฝึกฝนทักษะต่างๆ เพราะโป๊กเกอร์ไม่ใช่เกมที่ใช้แค่ดวงในการเล่น แต่ยังต้องใช้ทักษะการคำนวณ การหลอกล่อ การคาดคะเนผล จนนักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพยกให้เกมไพ่นี้เป็นกีฬามากกว่าการพนัน

poker
โป๊กเกอร์

 

พื้นฐาน Poker

ผู้อ่านที่สนใจจะหัดเล่นโป๊กเกอร์จะต้องศึกษารายละเอียดเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับเกมซะก่อน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราเล่นได้ดี ผู้เล่นคนอื่นจะไม่มองว่าเราเป็นมืออ่อนอีกด้วย พื้นฐานที่ผู้เล่นใหม่ควรจะรู้ก่อนเริ่มเล่นมี 4 ส่วนดังต่อไปนี้

คำศัพท์เบื้องค้น

อันดับแรกผู้เล่นควรจะรู้ก่อนว่าคำพูดต่างๆ ในเกมไพ่โป๊กเกอร์มันหมายถึงอะไร เพราะโป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่มีการนิยามคำศัพท์เพื่อมาใช้เฉพาะในเกม ทั้งในเรื่องของการดำเนินเกม การบอกตำแหน่ง การวัดผลต่างๆ ซึ่งคำศัพท์เบื้องต้นที่ควรรู้มีดังต่อไปนี้

คำศัพท์ดำเนินเกม

  • Call – คือการลงเงินเท่ากับเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในรอบปัจจุบัน เรียกง่ายๆ ว่า ตาม นั่นเอง เช่น มีผู้เล่น 1 คนลงเดิมพัน 10 หน่วยซึ่งสูงสุดบนโต๊ะ การ call เราก็จะลงเงินเท่ากับ 10 หน่วย
  • Check – คือการขอผ่านรอบ โดยการจะผ่านได้จำเป็นต้องมีเงินเดิมพันเท่ากับเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะก่อน ถ้ามีคน Raise มาเราก็ต้อง call ให้เท่าเงินสูงสุดก่อนจึงจะ check ได้
  • Raise – คือการเพิ่มเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะให้สูงขึ้น ผู้เล่นที่ต้องการจะแข่งในรอบต่อๆ ไปจำเป็นต้องเพิ่มเงินเดิมพันให้เท่ากันทุกคน
  • Fold – คือการทิ้งไพ่บนมือ กรณีที่ไม่ต้องการจะเล่น จะทิ้งรอบไหนก็ได้ตามต้องการ แต่เงินที่ได้ลงเดิมพันไปแล้วจากรอบที่ผ่านมาจะไม่ได้คืน
  • All-in – คือการลงเดิมพันแบบหมดหน้าตัก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นบางคนมั่นใจในไพ่ตัวเองมากๆ หรือต้องการขู่ หรือจะลงในกรณีที่เงินเดิมพันเหลือน้อยแล้ว และกรณีที่เงินเดิมพันมีไม่พอ หากชนะเงินรางวัลที่ได้จะได้ตามจำนวนที่ลงไปเท่านั้น
  • Bet – คือเงินเดิมพัน
  • Pot – คือเงินเดิมพันจากผู้เล่นแต่ละคนที่รวมไว้เป็นกองกลาง ผู้ที่ชนะจะได้ไป

คำศัพท์บอกตำแหน่ง

  • Button – คือปุ่ม หรือสัญลักษณ์เอาไว้บอกตำแหน่งของผู้เล่น ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามทิศทางตามเข็มนาฬิกา
  • Big blind(BB) – คือผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเงินเดิมพันตามที่เกมกำหนดแบบเต็มจำนวน เช่น โต๊ะกำหนดว่าให้ลง 10 หน่วย ก็จะต้องลงสิบหน่วยแบบบังคับ
  • Small blind(SB) – คือผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเงินเดิมพันตามที่เกมกำหนด แต่ตำแหน่งนี้จ่ายแค่ครึ่งจำนวนเท่านั้น เช่น กำหนด 10 หน่วย จะลงเพียง 5 หน่วยเท่านั้น
  • Dealer – คือผู้เล่นที่จะได้เล่นคนสุดท้ายในเกม เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด เพราะจะสามารถดูผู้เล่นคนอื่นเล่นก่อนได้

สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดเรื่องตำแหน่ง เรามีบทความอธิบาย ตำแหน่ง Poker ให้อ่านกัน แต่ละตำแหน่งก็มีส่วนสำคัญกับเกมอีกด้วย

 

กฎกติกาการเล่น

ในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์แต่ละรอบจะมีการลงเดิมพันแข่งขันกันมากกว่า 1 ครั้ง โดยการเดิมพันจะเริ่มตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม และหลังจากแจกไพ่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแจกไพ่ครบตามจำนวนที่กติกานั้นๆ กำหนด จากนั้นผู้เล่นจะนำไพ่บนมือของตัวเองประกอบกับไพ่บนโต๊ะเป็นไพ่ชุด 2 ถึง 5 ใบที่เรียงแบบต่างๆ ตามลำดับไพ่ของเกมที่จะกล่าวในส่วนถัดไป ใครที่มีชุดไพ่คะแนนมากที่สุดก็จะชนะไป ก็จะเป็นการจบ 1 รอบเกม ยกตัวอย่างวิธีการเล่นแบบ Texas hold’em ดังนี้

texas poker hold em
โป๊กเกอร์ Texas hole’em
  1. เริ่มเกมผู้เล่นที่มี Button BB และ SB จะต้องลงเงินตามเรทที่เกมกำหนด
  2. ผู้ดำเนินเกมจะแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคนโดยเริ่มจาก Big blind วนไปจนถึงคนสุดท้ายคนละ 2 ใบ
  3. ผู้เล่นทุกคนดูไพ่บนมือของตัวเอง จากนั้นเริ่มการเดิมพันรอบแรก โดย Big blind จะเริ่มเล่นก่อน วนตามเข็มนาฬากาไปจนถึงคนสุดท้ายที่ถือ Button Dealer จะเล่นเป็นคนสุดท้าย ผู้เล่นแต่ละคนมีทางเลือกในการเล่นคือ Fold, Call, Raise, Check
  4. ผู้เล่นจะต้องเล่นด้วย 4 ตัวเลือกจนกว่าเงินเดิมพันกองหน้าตัวเองจะเท่ากันกับผู้เล่นทุกคนจึงจะเล่นรอบต่อไปได้ เมื่อเดิมพันเท่ากัน และครบทุกคนแล้วก็เริ่มรอบต่อไป
  5. ผู้ดำเนินเกมจะเริ่มเปิดไพ่ 3 ใบจากกองลงบนโต๊ะแบบหงาย (เรียกว่า Flob) เป็นไพ่กองกลางที่ผู้เล่นจะเอาไพ่บนมือมาประกอบเป็นผลคะแนน เมื่อเปิดไพ่เสร็จแล้วผู้เล่นจะเริ่มเดิมพันรอบที่สอง ด้วย 4 ตัวเลือกเช่นเดิม จนกว่าผู้เล่นทุกคนจะเดิมพันเท่ากัน และนำเงินเดิมพันทั้งหมดไปกองรวมกันเป็นเงิน Pot จากนั้นจะเริ่มรอบต่อไป
  6. ผู้ดำเนินเกมเปิดไพ่อีก 1 ใบลงบนโต๊ะแบบหงาย (เรียกว่า Turn) เริ่มเดิมพันรอบที่สามผู้เล่นดำเนินการด้วย 4 ตัวเลือกเช่นเดิม
  7. ผู้ดำเนินเกมเปิดไพ่ใบสุดท้ายลงบนโต๊ะแบบหงาย (เรียกว่า River) รอบนี้จะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เมื่อเปิดแล้วจะเริ่มเดิมพันรอบสุดท้าย ผู้เล่นที่ยังคงเล่นอยู่จะนำไพ่บนมือ 2 ใบ และไพ่บนโต๊ะ 5 ใบประกอบเป็นชุดไพ่เพื่อวัดผลคะแนนกัน ผู้เล่นที่ไพ่มีคะแนนมากที่สุดก็จะชนะ ได้เงินจาก Pot และเงินเดิมพันบนโต๊ะล่าสุดไปทั้งหมด จบรอบเกม

 

คะแนนของไพ่ และลำดับดอกไพ่

พื้นฐาน Poker คะแนนของไพ่จะมีเรียงจากคะแนนสูงสุดไปน้อยสุดดังนี้

  • A – Ace มีคะแนนสูงที่สุด กรณีเป็นไพ่เรียง มีค่า 1 คะแนนสำหรับการนับคะแนนไพ่
  • K – King มี 13 คะแนน
  • Q – Queen มี 12 คะแนน
  • J – Jack มี 11 คะแนน
  • Point – ไพ่คะแนนที่มีคะแนนตามหน้าไพ่ 10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2

 

ลำดับของดอกไพ่เอาไว้ใช้วัดคะแนนกันกรณีที่เกิดคะแนนของไพ่เท่ากัน โดยเรียงจากสูงสุดไปหาเล็กสุดดังนี้

  • โพธิดำ (♠)
  • โพธิแดง ()
  • ข้าวหลามตัด ()
  • ดอกจิก (♣)

 

ลำดับการเรียงไพ่

ลำดับไพ่ในเกมโป๊กเกอร์เป็นส่วนสำคัญที่เอาไว้วัดว่าแต้มไพ่ของผู้เล่นคนไหนมีคะแนนมากกว่ากัน ใช้สำหรับตัดสินแพ้ชนะ เป้าหมายหลักคือการประกอบไพ่ 5 ใบให้มีรูปแบบการเรียงให้ได้คะแนนมากที่สุด ซึ่งเกมโป๊กเกอร์ไม่ว่าจะเป็นกติกา หรือมีรูปแบบการเล่นแบบไหนก็จะอ้างอิงลำดับการเรียงไพ่นี้เป็นหลัก โดยการเรียงลำดับการเรียงไพ่มีดังต่อไปนี้

*หมายเหตุ : ลำดับไพ่จะเรียงจากคะแนนมากที่สุด ไปหาน้อยที่สุด

Royal Straight Flush – คือไพ่เรียงกัน 5 ใบด้วย Ace, K, Q, J, 10 โดยเป็นดอกเดียวกัน เป็นไพ่ที่มีคะแนนสูงที่สุดในเกม มีโอกาสได้น้อยมากๆ โดยโอกาสออกเพียง 0.00015% เท่านั้น ถ้าได้เรียงแบบนี้ชนะแน่นอน

royal flush พื้นฐาน Poker
Royal flush – พื้นฐาน Poker

 

Straight Flush – คือไพ่เรียงกัน 5 ใบ และมีดอกไพ่เดียวกัน เช่น 6(♠), 5(♠), 4(♠), 3(♠), 2(♠) เป็นไพ่ที่ออกได้ยาก แต่สำหรับผู้ที่เคยเล่นโป๊กเกอร์ก็พอจะออกมาให้เห็นอยู่บ้าง โดยมีโอกาสออกอยู่ที่ 0.0015%

straight flush - พื้นฐาน Poker
Straight flush

 

Four of Kind – คือไพ่เลขเดียวกัน 4 ใบ เช่น 6(♠), 6(), 6(), 6(♣) มีโอกาสออกอยู่ที่ 0.024%

four of kind - พื้นฐาน Poker
Four of kind

 

Full house – คือไพ่ตองเลขเดียวกัน 3 ใบ และไพ่คู่ 2 ใบรวม 5 ใบ มีโอกาสออกอยู่ที่ 0.14% เป็นชุดไพ่ที่ออกมาให้เห็นได้บ่อยพอสมควร กรณีที่ออกมาแล้วเป็นไพ่เรียง Full house ให้ดูที่ตองก่อนว่าใครสูงกว่า(ในที่นี้คือ ตอง A) จากนั้นดูที่ไพ่คู่

full house
Full house – พื้นฐาน Poker

 

Flush – คือไพ่ที่มีดอกไพ่เดียวกัน 5 ใบ โดยแต้มบนหน้าไพ่ไม่เรียงลำดับกัน เป็นไพ่ที่มีโอกาสออกซ้ำกับผู้เล่นอื่นได้(ไพ่คนละดอก) กรณีที่ออกซ้ำจะวัดกันที่ลำดับของดอกไพ่ โอกาสออกอยู่ที่ 0.2%

flush - poker
Flush

 

Straight – คือไพ่ที่เรียงลำดับกัน 5 ใบ โดยเป็นไพ่ดอกไหนก็ได้ กรณีมีผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้วัดลำดับการเรียงว่าใครมีไพ่คะแนนสูงกว่า เช่น ผู้เล่น A มี 6, 7, 8, 9, 10 กับผู้เล่น B มี 5, 6, 7, 8, 9 จะถือว่าผู้เล่น A ชนะเพราะเรียงได้สูงกว่า มีโอกาสออกอยู่ที่ 0.39%

straight - พื้นฐาน Poker
Straight

 

Three of kind – คือการประกอบไพ่ 3 ใบด้วยเลขเดียวกัน เรียกง่ายๆ ว่าตองนั่นแหละครับ มีโอกาสออกอยู่ที่ 2.1% ถ้าผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้ดูที่ไพ่ใบที่เหลือบนมือ

three of kind - พื้นฐาน poker
Three of kind

 

Two pair – คือไพ่คู่ 2 คู่ ถ้าผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้ดูคู่ที่มีคะแนนสูงที่สุดก่อน ถ้าเท่ากันให้ดูคู่รองลงมา มีโอกาสออกอยู่ที่ 4.75%

two pair - poker
Two pair

 

One pair – คือไพ่คู่เดียว เป็นรูปแบบที่ออกมาบ่อยมากที่สุด ถ้ามีผู้เล่นอื่นออกคู่เหมือนกันให้ดูว่าคู่ใครสูงกว่า มีโอกาสออกอยู่ที่ 42%

หนึ่งคู่
One pair – พื้นฐาน Poker

 

High Card – กรณีที่ไพ่บนมือไม่ตรงกับรูปแบบข้างต้นสักอัน จะใช้คะแนนของไพ่บนมือที่มีคะแนนสูงสุด เป็นรูปแบบที่คนไม่ค่อยนิยมเล่นมากนักเพราะมีโอกาสแพ้ค่อนข้างสูงมาก แต่บางทีถ้าไม่มีผู้เล่นไหนมีไพ่สูงเลย ผู้เล่นบางคนที่ถือไพ่นี้อยู่ อาจจะหลอกล่อผู้เล่นอื่นว่ามีแต้มสูง จนผู้เล่นอื่นยอมแพ้ก็ได้ จนโดนไพ่รูปแบบนี้ขู่ให้ยอมแพ้ก็มี การถือ High card ถ้าแต้มเท่ากันให้ดูอีกใบ จากภาพด้านล่าง High card คือ Jack

ไพ่สูง
High card

สรุปการเรียงไพ่จากคะแนนมากที่สุดไปยังน้อยสุดให้ดูง่ายๆ ดังนี้ Royal flush>Straight flush>Four of kind>Full house>Flush>Straight>Three of kind>Two pair>one pair>High card 

แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมว่าโป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่ไม่ใด้ใช้แค่ดวงเป็นหลัก การล่อหลอก หรือการอ่านทางไพ่ จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดในเกม ถ้าไพ่คุณไม่สูงที่สุดก็ยังมีโอกาสที่ผู้เล่นอื่นจะยังสูงได้มากกว่า

สำหรับผู้เล่นบางคนที่อ่านทางออกบางครั้งสามารถทำให้ผู้เล่นอื่นๆ ยอมทิ้งไพ่หรือยอมแพ้ ทั้งที่ไพ่ของผู้เล่นนั้น ก็ไม่ได้มีคะแนนสูงเลยก็มี เป็นเกมที่มีเทคนิคมากมายจริงๆ ถ้าสนใจจะอ่านเทคนิคเล็กน้อยๆ เกี่ยวกับโป๊กเกอร์ ผมมีบทความ วิธีเล่น โป๊กเกอร์ให้เก่ง เข้าไปอ่านเป็นแนวทางกันได้เลย

 

ทิ้งท้าย

เป็นยังไงบ้างครับสำหรับบทความ พื้นฐาน Poker จริงๆ ในด้านของวิธีเล่นแล้วจะมีส่วนที่ยุ่งยากในเรื่องของลำดับไพ่ที่ต้องจำเท่านั้นเอง การเล่นจริงๆ นั้นไม่ได้ยากเลย แต่การจะเล่นให้ชนะเป็นอะไรที่ยากกว่า เพราะโป๊กเกอร์เป็นเกมที่เล่นประชันกันระหว่างผู้เล่นกับผู้เล่น และยังใช้เทคนิคมากมายช่วยให้โอกาสชนะสูงขึ้นได้ ถ้าท่านอยากจะชนะก็ต้องศึกษาเทคนิคเพิ่มเติมด้วยนะครับ ขอให้สนุกกับเกมโป๊กเกอร์ สำหรับบทความนี้ผมขอจบเพียงเท่านี้ครับ

หากชอบบทความของเรากดเพิ่ม LINE Stakehowเอาไว้ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน พร้อม กดกระดิ่งด้านขวา ล่างของหน้าจอ เพื่อแจ้งเตือนบทความใหม่ๆ จากทางเราได้ครับ พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ