กติกาเกมส์บาคาร่า กติกาที่นักเดิมพันต้องรู้ก่อนเล่นเดิมพัน

สวัสดีครับผู้ที่กำลังติดตาม Stakehow ทุกท่าน ในบทความนี้ผมจะพูดถึง กติกาเกมส์บาคาร่า กติกาพื้นฐานที่นักเดิมพันทุกท่านต้องรู้ก่อนเล่นเดิมพัน อย่างเช่น กติกาการนับแต้ม กติกาการแจกไพ่ หรือกติกาการเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม สำหรับนักเดิมพันมือใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าเกมส์บาคาร่านั้นมีกฎกติกาการเล่นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูเนื้อหาในบทความด้านล่างพร้อมกันได้เลยครับ

 

เกมส์บาคาร่า

เกมส์บาคาร่า หรือเกมส์ baccarat เป็นเกมส์คาสิโนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ด้วยรูปแบบการเล่นที่เข้าใจง่าย เกมส์จบเร็ว เพราะในการเดิมพัน 1 รอบใช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาทีเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ที่ท่านเดิมพันด้วยว่ากำหนดเวลาในการเดิมพันเอาไว้เท่าไหร่ และเกมส์บาคาร่ายังเป็นเกมส์ที่สามารถเลือกแทงได้หลายตำแหน่ง และเป็นเกมส์มีอัตราการจ่ายเงินรางวัลที่สูงมากๆ เกมส์นึงเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลนี้เองจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเกมส์บาคาร่าถึงเป็นเกมส์ที่นักเดิมพันให้ความสนใจมากกว่าเกมส์อื่นๆ

 

กติกาเกมส์บาคาร่า

เกมส์บาคาร่าถือได้ว่าเป็นเกมส์ไพ่ที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด ซึ่งในการเล่นนั้นใช้ไพ่ในการเล่นจำนวน 6 – 8 สำรับ โดยไพ่ 1 สำรับมีไพ่ทั้งหมด 52 ใบ ดังนั้นในการเล่นเดิมพันจะใช้ไพ่ทั้งหมดถึง 312 – 416 ใบเลยทีเดียว

กติกาการแจกไพ่

เกมส์บาคาร่าเป็นเกมส์เดิมพันระหว่างฝ่ายผู้เล่น (player) และฝ่ายเจ้ามือ (banker) ซึ่งแต่ละฝ่ายจะได้รับไพ่คนละ 2 ใบก่อน โดยไพ่ใบที่ 1 และใบที่ 3 จะแจกให้กับฝ่ายผู้เล่น ส่วนไพ่ใบที่ 2 และไพ่ใบที่ 4 จะแจกให้กับฝ่ายเจ้ามือ หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับไพ่ครบ และทำการเปิดไพ่ 2 ใบแรกแล้ว หากฝ่ายไหนได้แต้มรวมกัน 0-5 แต้ม ฝ่ายนั้นจะได้รับไพ่ใบที่สามเพิ่ม ตามกฎกติกาการเรียกไพ่เพิ่มครับ

หรือหากในการเดิมพันในรอบนั้น ไพ่ 2 ใบแรกของฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่ง ระหว่างฝ่ายผู้เล่น (player) และฝ่ายเจ้ามือ (banker) รวมกันแล้วได้แต้ม 9 หรือ 8 แต้ม ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายที่ชนะการเดิมพัน เกมส์การเดิมพันรอบนั้นจะจบ และเริ่มเกมส์ใหม่ทันทีครับ

 

กติกาการนับแต้ม

ต่อไปเรามาดูวิธีการนับแต้มบาคาร่ากันครับ สำหรับวิธีการนับแต้มบาคาร่านั้นก็ไม่ยาก หากใครเคยเล่นไพ่ป๊อกเด้งมาแล้วแทบจะไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรเพิ่มเลยครับ เพราะวิธีการนับแต้มนั้นเหมือนกัน โดยไพ่แต่ละใบนั้นก็จะมีวิธีการนับแต้ม ดังนี้ครับ

  • ไพ่ที่เป็นตัวเลข 2-3-4-5-6-7-8-9 จะนับว่ามีแต้มตามตัวเลขที่อยู่บนไพ่ใบนั้นๆ อย่างเช่น ไพ่หมายเลข 8 มีค่าเท่ากับ 8 แต้ม , ไพ่หมายเลข 9 มีค่าเท่ากับ 9 แต้ม เป็นต้น
  • ไพ่หมายเลข 10 และไพ่ที่เป็นอักษรภาษาอังกฤษ J-Q-K มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
  • และไพ่อักษร A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม

 

กติกาการเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม

กฎกติกาการเรียกไพ่ใบที่สามของฝ่ายผู้เล่น (Player) หากไพ่ 2 ใบแรก ของฝ่ายผู้เล่นรวมกันแล้วมีแต้มอยู่ระหว่าง 0 – 5 แต้ม ฝ่ายผู้เล่นจะได้รับไพ่ใบที่สามเพิ่ม 1 ใบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในตารางด้านล่างได้เลยครับ

กติกาเกมส์บาคาร่า กฎการเรียกไพ่ใบที่สามของฝ่ายผู้เล่น (Player)
แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่น (Player) การเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม
เมื่อผู้เล่นได้แต้ม  0 – 1 – 2 – 3 – 4 – 5 แต้ม ต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม
เมื่อผู้เล่นได้แต้ม  6 หรือ 7 แต้ม ไม่ต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม
เมื่อผู้เล่นได้แต้ม  8 หรือ 9 แต้ม ไพ่ป๊อก ฝ่ายผู้เล่นไม่ต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม เกมส์เดิมพันจะจบทันที

กฎกติกาการเรียกไพ่ใบที่สามของฝ่ายเจ้ามือ (Banker) ส่วนกติกาการเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่มของฝ่ายเจ้ามือนั้น จะดูจากแต้มไพ่ของฝ่ายผู้เล่นก่อน จึงจะพิจารณาว่าฝ่ายเจ้ามือนั้นจะต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่มหรือไม่ ดูข้อมูลในตารางด้านล่างได้เลยครับ

แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือ (Banker) กติกาเกมส์บาคาร่า กฎการเรียกไพ่ใบที่สามของฝ่ายเจ้ามือ (Banker)
ถ้าผู้เล่นเรียกไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มต่อไปนี้

ฝ่ายเจ้ามือจะ ต้อง เรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม

ถ้าผู้เล่นเรียกไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มต่อไปนี้

ฝ่ายเจ้ามือ ไม่ต้อง เรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม

เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 3 แต้ม 1 – 2 – 3 – 4 – 5 – 6 – 7 – 9 – 0 ฝ่ายเจ้ามือจะต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม 8 เกมส์เดิมพันจะจบทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 4 แต้ม 2 – 3 – 4 – 5 – 6 – 7 ฝ่ายเจ้ามือจะต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม 1 – 8 – 9 – 0 เกมส์เดิมพันจะจบทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 5 แต้ม 4 – 5 – 6 – 7 ฝ่ายเจ้ามือจะต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม 1 – 2 – 3 – 8 – 9 – 0 เกมส์เดิมพันจะจบทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 6 แต้ม 6 – 7 ฝ่ายเจ้ามือจะต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม 1 – 2 – 3 – 4 – 5 – 8 – 9 – 0 เกมส์เดิมพันจะจบทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 7 แต้ม ไม่ต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 8 หรือ 9 แต้ม ไพ่ป๊อก ฝ่ายเจ้ามือไม่ต้องเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่ม เกมส์เดิมพันจะจบทันที

ต่อไปผมจะยกตัวอย่างการเดิมพันเกมส์บาคาร่าให้ทุกท่านได้ดูกันครับ สำหรับตัวอย่างการลงเดิมพันเกมส์บาคาร่าออนไลน์ในบทความนี้นั้น ผมจะใช้เว็บไซต์ NEXT88 มายกตัวอย่างการในการเดิมพันให้ทุกท่านได้ดูกันครับ ซึ่งเหตุผลที่ผมเลือกเว็บไซต์นี้ เป็นเพราะว่าผมได้ใช้เว็บไซต์นี้ในการเดิมพันเป็นประจำอยู่แล้ว เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ง่ายได้สะดวก รวดเร็ว เข้าใช้งานได้ตลอด 24 ชม. และที่สำคัญเว็บนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากนักเดิมพันเป็นจำนวนมากอีกด้วยครับ

 

ตัวอย่างการเดิมพันเกมส์บาคาร่า

1. ขั้นตอนแรกในการเดิมพันเกมส์บาคาร่า ให้ท่านเข้าสู่เว็บไซต์หลัก NEXT88 จากนั้นให้ท่านทำการล็อคอินเข้าสู่ระบบโดยนำเอา ชื่อบัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่าน มากรอกในช่องด้านบน จากนั้นกดเข้าไปที่คำว่า เข้าสู่ระบบ (กรอบสีแดง) ได้เลยครับ

หมายเหตุ ถ้าหากว่าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับทางเว็บไซต์ NEXT88 ท่านต้องสมัครสมาชิกให้เรียบร้อยก่อน โดยท่านสามารถดูขั้นตอนการสมัครได้ตามนี้ตามลิงค์นี้ได้เลยครับ : ขั้นตอนการสมัครสมาชิก

กติกาเกมส์บาคาร่า

 

2. เมื่อท่านได้ทำการล็อคอินเรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าไปเล่นเกมส์บาคาร่า ขั้นตอนต่อไปให้ท่านกดคลิกที่โหมด คาสิโนสด (กรอบสีแดง) ตรงแถบเมนูสีฟ้าด้านบนของเว็บไซต์

กติกาเกมส์บาคาร่า

 

3. หลังจากที่ท่านเข้าสู่โหมดคาสิโนสดแล้ว ท่านจะสังเกตเห็นว่าทาง NEXT88 นั้นมีอยู่ 4 แบรนด์ให้ท่านเลือก คือ AE Sexy , GLUB GPI , PLAYTECH LIVE และ MicroGaming LIVE โดยท่านสามารถเลือกเดิมพันแบรนด์ไหนก็ได้ตามที่ท่านต้องการ แต่ในวันนี้ผมจะใช้หน้าคาสิโนแบรนด์ PLAYTECH LIVE (กรอบสีแดง) มาเป็นตัวอย่างในการเดิมพันเกมบาคาร่าให้ทุก ๆ ท่านได้ศึกษากันครับ

 

4. เมื่อท่านเข้าสู่หน้าแบรนด์ PLAYTECH LIVE แล้ว ท่านจะเจอเกมส์ต่างๆ มากมาย ให้ท่านทำการเลือก BACCARAT (กรอบสีแดง) หลังจากนั้นจะมีห้องบาคาร่าออนไลน์มากมาย ในกรอบสีฟ้า ท่านสามารถเลือกเข้าเล่นห้องไหนก็ได้ตามที่ท่านสนใจได้เลยครับ

กติกาเกมส์บาคาร่า

 

5. หลังจากที่เข้าห้องเดิมพันเกมส์บาคาร่าเรียบร้อยแล้ว ท่านจะเห็นลักษณะของห้องเดิมพันเป็นแบบรูปภาพด้านล่างนี้เลยครับ ส่วนขั้นตอนการเดิมพันเกมส์บาคาร่าออนไลน์ เว็บ NEXT88 มี 2 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ครับ

  1. เลือกชิป (ในกรอบสีฟ้า) ให้ท่านกดที่ชิปตรงด้านขวาล่าง เพื่อลงเงินเดิมพัน โดยทางเว็บ NEXT88 ได้กำหนดเงินเดิมพันขั้นต่ำไว้ที่ 50 บาทต่อ 1 รอบครับ
  2. เลือกตำแหน่งเดิมพัน (ในกรอบสีแดง) โดยให้นำชิปไปวางยังตัวเลือกการเดิมพันที่ต้องการได้เลยครับ
กติกาเกมส์บาคาร่า
กติกาเกมส์บาคาร่า ลักษณะของห้องเดิมพัน

 

ตำแหน่งที่ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันได้

ในการเล่นเดิมพันเกมส์บาคาร่า ผู้เล่นมีหน้าที่เพียงแค่คิดว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายที่จะชนะการเดิมพัน และวางเดิมพันในตำแหน่งนั้นๆ เพียงเท่านั้นครับ โดยตำแหน่งที่ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันได้นั้นมีทั้งหมด 19 รูปแบบด้วยกัน และตำแหน่งการเดิมพันแต่ละตำแหน่งจะได้รับอัตราการจ่ายเงินรางวัลที่ต่างกัน โดยผมจะมาอธิบายเงื่อนไขการเดิมพัน และอัตราการจ่ายเงินรางวัลในแต่ละตำแหน่งให้ทุกท่านได้ทราบ ดังนี้ครับ

1. ตำแหน่งผู้เล่น (Player) การเดิมพันตำแหน่งผู้เล่นคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นฝ่ายผู้เล่น (Player) จะมีแต้มมากกว่าฝ่ายเจ้ามือ (Banker) เช่น ฝ่ายผู้เล่นได้แต้มรวมกันทั้งหมด 9 แต้ม ซึ่งฝ่ายเจ้ามือได้แต้มรวมกันเพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น แบบนี้ฝ่ายผู้เล่นถึงจะเป็นฝ่ายที่ชนะการเดิมพัน อัตราการจ่ายเงินรางวัล 1 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 200 บาท

 

2. ตำแหน่งเจ้ามือ (Banker) การเดิมพันตำแหน่งเจ้ามือคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นฝ่ายเจ้ามือ (Banker) จะมีแต้มมากกว่าฝ่ายผู้เล่น (Player) เช่น ฝ่ายเจ้ามือได้แต้มรวมกันทั้งหมด 9 แต้ม ซึ่งฝ่ายผู้เล่นได้แต้มรวมกันเพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น แบบนี้ฝ่ายเจ้ามือถึงจะเป็นฝ่ายที่ชนะการเดิมพัน อัตราการจ่ายเงินรางวัล 0.95 เท่า

หมายเหตุ ในกรณีที่ผู้เล่นลงเดิมพันตำแหน่งเจ้ามือ หากเจ้ามือเป็นฝ่ายที่ชนะการเดิมพัน ผู้เล่นจะถูกหักค่าต๋ง หรือค่าคอมมิชชั่นจำนวน 5% ครับ

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 195 บาท

 

3. ตำแหน่งเสมอ การเดิมพันตำแหน่งเสมอคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นฝ่ายผู้เล่น (Player) และฝ่ายเจ้ามือ (Banker) จะมีแต้มที่เท่ากัน เช่น ฝ่ายผู้เล่นได้แต้มรวมกันทั้งหมด 9 แต้ม และฝ่ายเจ้ามือก็ได้แต้มรวมกันทั้งหมด 9 แต้มเหมือนกัน อัตราการจ่ายเงินรางวัล 8 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 900 บาท

 

4. ตำแหน่งไพ่คู่ของผู้เล่น การเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ของผู้เล่นคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นไพ่ 2 ใบแรกของฝ่ายผู้เล่น (Player) จะออกมาเป็นหน้าเดียวกัน เช่น ได้รับไพ่หมายเลข 9 เหมือนกันทั้ง 2 ใบ อัตราการจ่ายเงินรางวัล 11 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 1,200 บาท

 

5. ตำแหน่งไพ่คู่ของเจ้ามือ การเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ของเจ้ามือคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นไพ่ 2 ใบแรกของฝ่ายเจ้ามือ (Banker) จะออกมาเป็นหน้าเดียวกัน เช่น ได้รับไพ่หมายเลข 9 เหมือนกันทั้ง 2 ใบ อัตราการจ่ายเงินรางวัล 11 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 1,200 บาท

 

6. ตำแหน่ง Perfect Pair การเดิมพันตำแหน่ง Perfect Pair คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นไพ่ 2 ใบแรกของฝ่ายผู้เล่น (Player) และฝ่ายเจ้ามือ (Banker) จะออกมาเป็นหน้าเดียวกัน (ฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือได้รับไพ่หมายเลขต่างกันได้) เช่น ฝ่ายผู้เล่นได้รับไพ่หมายเลข 9 เหมือนกันทั้ง 2 ใบ และฝ่ายเจ้ามือได้รับไพ่หมายเลข 3 เหมือนกันทั้ง 2 ใบ อัตราการจ่ายเงินรางวัล 25 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 2,600 บาท

 

7. ตำแหน่งไพ่คู่ฝั่งใดก็ได้ การเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ฝั่งใดก็ได้คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นไพ่ 2 ใบแรกของฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งระหว่างฝ่ายผู้เล่น (Player) และฝ่ายเจ้ามือ (Banker) จะออกมาเป็นหน้าเดียวกัน เช่น ฝ่ายผู้เล่นได้รับไพ่หมายเลข 9 เหมือนกันทั้ง 2 ใบ อัตราการจ่ายเงินรางวัล 5 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 600 บาท

 

8. ตำแหน่งต่ำ การเดิมพันตำแหน่งต่ำคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นจะไม่มีฝ่ายไหนเรียกไพ่ใบที่สามเพิ่มเลย หรือจบเกมส์ด้วยไพ่เพียงแค่ 4 ใบ เท่านั้นครับ อัตราการจ่ายเงินรางวัล 1.5 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 250 บาท

 

9. ตำแหน่งสูง การเดิมพันตำแหน่งสูงคือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นจะมีฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่ง เรียกไพ่ใบที่สามเพิ่มหรือจบเกมส์ด้วยไพ่มากกว่า 4 ใบ อัตราการจ่ายเงินรางวัล 0.54 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 154 บาท

 

10. ตำแหน่งหมายเลข 0 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 0 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 0 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 150 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 15,100 บาท

 

11. ตำแหน่งหมายเลข 1 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 1 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 1 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 215 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 21,600 บาท

 

12. ตำแหน่งหมายเลข 2 การเดิมพันในตำแหน่งหมายเลข 2 เป็นการเดิมพันที่มีอัตราการจ่ายสูงที่สุดครับ ซึ่งการเดิมพันตำแหน่งนี้ คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 2 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 220 เท่า การเดิมพันในตำแหน่งหมายเลข 2 เป็นการเดิมพันที่มีอัตราการจ่ายสูงที่สุดครับ

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 22,100 บาท

 

13. ตำแหน่งหมายเลข 3 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 3 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 3 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 200 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 20,100 บาท

 

14. ตำแหน่งหมายเลข 4 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 4 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 4 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 120 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 12,100 บาท

 

15. ตำแหน่งหมายเลข 5 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 5 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 5 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 110 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 11,100 บาท

 

16. ตำแหน่งหมายเลข 6 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 6 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 6 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 45 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 4,600 บาท

 

17. ตำแหน่งหมายเลข 7 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 7 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 7 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 45 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 4,600 บาท

 

18. ตำแหน่งหมายเลข 8 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 8 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 8 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 80 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 8,100 บาท

 

19. ตำแหน่งหมายเลข 9 การเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 9 คือการทายว่าการเดิมพันในรอบนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายผู้เล่น และฝ่ายเจ้ามือ จะมีแต้มที่เท่ากัน หรือเสมอกันที่ 9 แต้ม อัตราการจ่ายเงินรางวัล 80 เท่า

ตัวอย่างการคำนวณเงินรางวัล : ลงเดิมพัน ด้วยเงินจำนวน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลที่รวมเงินลงเดิมพันแล้วจำนวน 8,100 บาท