การ เล่น บาคาร่า เล่นยังไงบทความนี้มีคำตอบ

สวัสดีผู้ติดตาม Stakehow ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาอธิบาย การ เล่น บาคาร่า กฎในการเล่นเกมที่จำเป็นต้องรู้ เกมบาคาร่าเป็นเกมพนันที่มีวิธีการเล่นที่ง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะผู้เล่นแค่วางเดิมพันระหว่างฝั่งผู้เล่น หรือ ฝั่งเจ้ามือ เท่านั้น แต่เกมบาคาร่านั้นมีอะไรอีกมากมาย อย่างไรก็ตามการรู้และการเข้าใจกฎวิธีการในการเล่นเกมไพ่บาคาร่านั้นก็สำคัญพอๆ กับดวงของคุณ โดยในบทความนี้จะมาอธิบายกฎ และวิธีการเล่นเกมไพ่บาคาร่าที่คุณจำเป็นต้องรู้ เนื้อหาด้านในจะมีอะไรบ้างไปรับชมกันได้เลย

 

ทำความรู้จักกับ การ เล่น บาคาร่า

ก่อนที่จะทราบว่า กติกาเกม บาคาร่า นั้นมีอะไรบ้าง ไปทำความรู้จักกับเกมบาคาร่ากันก่อนว่ามันคืออะไร และมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง เกมไพ่บาคาร่า ก็คือ เกมไพ่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งคำว่า Baccarat มาจากภาษาอิตาลี ที่มีความหมายว่า 0 เกมการพนันชนิดนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ได้รับความนิยมมากมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันก็มีความสะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อนมาก เพราะสามารถเล่นผ่านออนไลน์กับเว็บคาสิโนออนไลน์ที่เปิดให้เล่น โดยคุณสามารถเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

กฎในการเล่นเกมที่จำเป็นต้องรู้ก่อนเล่น

สำหรับใครที่สนใจจะเล่นเกมบาคาร่าแต่ยังไม่เข้าใจในกฎกติกา หรือมีความสับสนอยู่ ในหัวข้อนี้ผมจะอธิบายเกี่ยวกับกติกาของบาคาร่า และการวางเดิมพันในแต่ละประเภทว่าจะมีกติกาอย่างไร ส่วนเนื้อหาจะเป็นอย่างไรนั้น ไปชมกันเลยครับ

การนับแต้ม

การนับแต้มไพ่ในเกมบาคาร่าเข้าใจได้ง่ายมาก ไม่ต่างอะไรจากไพ่ป๊อกเด้งที่คุ้นเคย โดย A จะมีค่าเท่ากับ 1 แต้ม และ 10 , J , Q , K นั้นจะมีค่าเท่ากับ 0 แต้ม ส่วนที่เหลือให้นับแต้มตามหน้าไพ่ ได้แก่ไพ่ 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 เป็นต้น

ตัวอย่างการนับแต้ม

  • ผู้เล่น (Player) ได้ไพ่ที่มีเลข 8 ดอกจิก กับไพ่ 9 ข้าวหลามตัด แต้มไพ่รวมก็คือ 8+9 = 7 แต้ม
  • เจ้ามือ (Banker) ได้ไพ่ที่มีเลข 4 ดอกจิก กับไพ่ A ข้าวหลามตัด แต้มไพ่รวมก็คือ 4+1+6 = 1 แต้ม

หมายเหตุ ถ้าผลรวมของไพ่ทั้งหมดได้เลข 2 หลัก จะนับผลที่ได้จากเลขตัวหลังเสมอ (เพราะ 10 = 0)

การ เล่น บาคาร่า
การนับแต้ม กติกาเกม baccarat

 

กติกาการจั่วไพ่เพิ่ม

สำหรับกติกาการจั่วไพ่ของผู้เล่น (Player) และเจ้ามือ (Banker) ก็จะมีกติกาที่ไม่เหมือนกัน โดยจะมีกติกา ดังนี้ครับ

กฎการจั่วไพ่ของฝั่งผู้เล่น (Player)

กฎการจั่วไพ่ของฝั่งผู้เล่น (Player)
แต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่น (Player) การจั่วไพ่เพิ่ม
เมื่อผู้เล่นได้แต้ม 0 , 1  , 2 , 3 , 4 , 5 แต้ม จะต้องจั่วไพ่เพิ่ม
เมื่อผู้เล่นได้แต้ม 6 , 7 แต้ม อยู่ ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
เมื่อผู้เล่นได้แต้ม 8 หรือ 9 แต้ม ไพ่ป๊อก ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม และเกมเดิมพันจะหยุดทันที

 

กฎการจั่วไพ่ของฝั่งเจ้ามือ (Banker)

แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือ (Banker) กฎการจั่วไพ่ของฝั่งเจ้ามือ (Banker)
ถ้าไพ่ใบที่สามของผู้เล่นมีแต้มต่อไปนี้ 

ฝั่งเจ้ามือจะ ต้อง จั่วไพ่เพิ่ม

ถ้าไพ่ใบที่สามของผู้เล่นมีแต้มต่อไปนี้ 

ฝั่งเจ้ามือ ไม่ต้อง จั่วไพ่เพิ่ม

เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 3 แต้ม 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 9 , 0 ฝั่งเจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เพิ่ม 8 เกมเดิมพันจะหยุดทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 4 แต้ม 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 ฝั่งเจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เพิ่ม 1 , 8 , 9 , 0 เกมเดิมพันจะหยุดทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 5 แต้ม 4 , 5 , 6 , 7 ฝั่งเจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เพิ่ม 1 , 2 , 3 , 8 , 9 , 0 เกมเดิมพันจะหยุดทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 6 แต้ม 6 , 7 ฝั่งเจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เพิ่ม 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 8 , 9 , 0 เกมเดิมพันจะหยุดทันที
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 7 แต้ม อยู่ ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
เมื่อเจ้ามือได้แต้ม 8 – 9 แต้ม ไพ่ป๊อก ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม และเกมเดิมพันจะหยุดทันที

 

กติกาพื้นฐานของการเล่นเกมไพ่บาคาร่าจะมีเพียงเท่านี้ หากรู้กฎกติกาแล้ว ก็จะทำให้การเล่นเกมไพ่บาคาร่าของคุณนั้นสนุกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนที่จะเล่นควรศึกษากติกาเหล่านี้ให้ดีก่อนเล่นเสมอ สำหรับใครที่กำลังหาเว็บเล่นบาคาร่าอยู่ เราก็มีเว็บมาแนะนำซึ่งเป็นเว็บที่มีมาตรฐาน และมั่นใจว่าปลอดภัยแน่นอนครับ

 

รูปแบบ การ เล่น บาคาร่า ออนไลน์

ด้วยรูปแบบการเล่นที่เข้าใจง่ายมากๆ คล้ายกับการเล่นไพ่ป๊อกเด้ง สำหรับรูปแบบการลงเดิมพันเกมบาคาร่าออนไลน์นั้น จะมีทั้งหมด 19 รูปแบบ ซึ่งอัตราการจ่ายเงินรางวัลจะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับรูปแบบการเดิมพันนั้นๆ ดังนี้ครับ

ลงเดิมพันตำแหน่งผู้เล่น (Player)

คือการลงเดิมพันว่าฝั่งผู้เล่นจะเป็นฝั่งที่ชนะการเดิมพัน การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัลเท่ากับ 1 : 1 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งผู้เล่น (Player) จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเจ้ามือ (Banker)

คือการลงเดิมพันว่าฝั่งเจ้ามือจะเป็นฝั่งที่ชนะการเดิมพัน การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 1 : 0.95 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งเจ้ามือ (Banker) จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเสมอ (Tie)

คือการลงเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะมีแต้มเท่ากัน หรือเสมอกันนั่นเอง การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 1 : 8 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งเสมอ จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 900 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ของผู้เล่น

คือการเดิมพันว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งผู้เล่นจะเป็นไพ่หน้าเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ฝั่งผู้เล่นได้รับไพ่เลข 9 จำนวน 2 ใบ การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 1 : 11 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ของผู้เล่น จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 1,200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ของเจ้ามือ

คือการเดิมพันว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะเป็นไพ่หน้าเดียวกัน อย่างเช่น ฝั่งเจ้ามือได้รับไพ่เลข 9 จำนวน 2 ใบ การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 1 : 11 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ของเจ้ามือ จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 1,200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่ง Perfect Pair

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะได้ไพ่คู่ การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 1 : 25 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่ง Perfect Pair จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 2,600 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ฝั่งใดก็ได้

คือการเดิมพันว่าไพ่ของฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะออกเป็นไพ่คู่ การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 5 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งไพ่คู่ฝั่งใดก็ได้ จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 2,600 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งต่ำ

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะไม่ได้จั่วไพ่เพิ่มเลย การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 1.5 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งต่ำ จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 250 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งสูง

คือการเดิมพันว่าจะมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะเปิดไพ่ใบที่ 3 การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 0.54 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งสูง จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 154 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 0

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 0 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 150 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 0 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 15,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 1

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 1 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 215 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 1 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 21,600 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 2

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 2 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 220 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 2 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 22,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 3

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 3 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 200 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 3 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 20,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 4

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 4 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 120 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 4 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 12,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 5

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 5 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 110 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 5 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 11,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 6

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 6 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 45 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 6 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 4,600 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 7

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 7 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 45 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 7 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 4,600 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 8

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 8 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 80 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 8 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 8,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

ลงเดิมพันตำแหน่งเลข 9

คือการเดิมพันว่าทั้ง 2 ฝั่งจะเสมอกันที่แต้ม 9 แต้ม การเดิมพันรูปแบบนี้มีอัตราการจ่ายเงินรางวัล 80 เท่าของยอดเงินที่ลงเดิมพัน

ตัวอย่างการวางเดิมพัน : วางเดิมพันตำแหน่งหมายเลข 9 จำนวนเงิน 100 บาท หากชนะการเดิมพัน จะได้รับเงินรางวัลจากการชนะเดิมพัน 8,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

 

เพียงเท่านี้ท่านก็จะทราบวิธีการเล่นเกมบาคาร่าแล้ว และถ้าหากท่าต้องการที่จะเล่นเกมบาคาร่าแต่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ ท่านสามารถเข้าไปอ่าน รีวิวคาสิโนออนไลน์ ที่ทางเราได้จัดทำไว้ ในส่วนของรายละเอียดก็จะบอกข้อดี ข้อเสียของเว็บไซต์ ที่แตกต่างกันออกไป ท่านสามารถเลือกได้ตามใจชอบได้เลยครับ