สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ที่ติดตาม Stakehow อยู่แล้ว และท่านใดที่พึ่งเข้ามาอ่านบทความนี้เป็นบทความแรกนะครับ สำหรับบทความนี้ผมจะมาพูดถึงเกี่ยวกับการพนันที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ บาคาร่า นั่นคือ Roulette นั่นเองครับ ซึ่งผมจะพาท่านมารู้จักกับ รูเล็ต ยุโรป ว่ามีอะไรบ้าง มีวิธีการเล่นยังไง เราเลื่อนลงไปดูกันเลยครับ
รูเล็ต ยุโรป
หรือ รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือ รูเล็ต ฝรั่งเศส มีความต่างจากรูเล็ตอเมริกา คือ โต๊ะที่ใช้เล่นรูเล็ต จะมีตัวเลขจาก 0 ถึง 36 รวมเป็น 37 ตัวเลขในการวางเดิมพัน แทนที่จะเป็น 38 ตัวเลขอย่างของรูเล็ตอเมริกา เพราะสิ่งนี้ จึงทำให้ รูเล็ต ฝรั่งเศส เป็นที่นิยมมากว่า รูเล็ตอเมริกา เพราะมีจำนวนในการแทงน้อยกว่า ย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า ถือว่าเป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ
ลักษณะวงล้อ : ตำแหน่งของตัวเลขบนวงล้ออาจจะดูเหมือนเป็นการสุ่มในตอนแรก แต่มันไม่ใช่ครับ มันเป็นรูปแบบพิเศษ โดยหมายเลขที่เป็นเลขคู่จะเป็นสีดำขาว และ หมายเลขคี่จะเป็นสีแดง
การเดิมพันและกฏ
จะมีดีลเลอร์ ที่คอยทำการหมุนลูกเหล็ก จากนั้น จะทำการลุ้นว่าลูกเหล็กจะตกไปยังตำแหน่งหมายเลขใด ถ้าตกในตำแหน่งที่เราแทงนั้นก็จะชนะ โดยจะมีรูปแบบการเดิมพันดังนี้ (ดูรูปภาพด้านล่างประกอบ)
- เต็งเลข : เป็นการเต็งที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่ง (วางชิปลงบนตัวเลข) โดยจะมีหมายเลขให้แทงตั้งแต่หมายเลข 0 – 36 เมื่อแทงถูกจะมีอัตราการจ่าย 35 เท่าของยอดที่แทง
- สูง – ต่ำ : เป็นการแทงที่มีโอกาส 50:50 เพราะเป็นการแทงเพียง 2 ฝั่ง คือ ต่ำ ( เลข1-18) และ สูง (เลข19-36) แต่ถ้าออกหมายเลข 0 จะไม่ได้รางวัล แต่เมื่อแทงถูกจะมีอัตราจ่าย 2 เท่าของยอดที่แทง
- ดำ – แดง : เป็นการแทง 2 ฝั่ง โดยแต่ละหมายเลขจะมีสีกำกับอยู่ เมื่อลูกเหล็กตกหมายเลขที่มีสีแดง แทงแดง ก็ชนะ แต่ถ้าลูกเหล็กตกหมายเลขที่มีสีดำ แทงดำก็ชนะ โดยจะมีอัตราจ่าย 2 เท่าของยอดที่แทง
- คู่ – คี่ : การแทงที่ต้องรอลุ้นว่า ลูกเหล็กจะตกหมายเลขคู่หรือหมายเลขคี่ เมื่อชนะจะมีอัตราจ่าย 2 เท่าของยอดที่แทง
- เต็งโซน : โดยจะแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน คือ 1st 12 – 2nd 12 – 3rd 12 โดยแต่ละโซนจะมีหมายอยู่ 12 หมายเลข เมื่อแทงถูกจะมีอัตราจ่าย 3 เท่าของยอดที่แทง
- เต็งแถว : โดยแถวจะแบ่งออกเป็น 3 แถว คือ 1st – 2nd – 3rd โดยแต่ละแถวจะมีหมายเลขอยู่ 12 หมายเลข เมื่อแทงถูกจะมีอัตราจ่าย 3 เท่าของยอดที่แทง
- ค่อม 2 หมายเลข : เป็นการแทงค่อมได้ทุกหมายเลขที่อยู่ติดกัน ยกเว้น หมายเลข 0 เช่น แทง 5 – 6 หรือ 27 – 30 เมื่อชนะจะมีอัตราจ่าย 17 เท่าของยอดที่แทง
- ค่อม 3 หมายเลข : เป็นการแทงค่อมในลักษณะแนวตั้ง 1 แถว เช่น 1 – 2 – 3 หรือ 7 – 8 – 9 เมื่อชนะ จะมีอัตราจ่าย 11 เท่าของยอดที่แทง
- แบบค่อม 4 หมายเลข : เป็นการแทงค่อมได้ทุกหมายเลขที่อยู่ติดกัน เช่น 8 – 9 – 11 – 12 หรือ 19 – 20 – 22 – 23 เมื่อชนะจะมีอัตราจ่าย 8 เท่า
- แบบค่อม 6 หมายเลข : เป็นการแทงค่อมในลักษณะแนวตั้ง 2 แถว เช่น 1 – 2 – 3 – 4 – 5 – 6 หรือ 22 – 23 – 24 – 25 – 26 – 27 เมื่อชนะจะมีอัตราจ่าย 5 เท่า
นอกจากนี้ยังมีการเดิมพันการแทงดัก 0 โดยจะเป็นการแทง 0 ไว้ทุกรอบ เพื่อป้องเวลาเวลาที่ผลรูเล็ตออก 0 (เมื่อออก 0 ตำแหน่งอื่นจะไม่ถูกรางวัล) และนอกจากแทงดัก 0 แล้ว ก็จะมีบางเว็บอีกเช่นกันที่มีให้แทงรูเล็ตแบบพิเศษ โดยการแทงรูปแบบนี้จะมีเฉพาะบางเว็บเท่านั้น ดังรูปด้านล่างนี้
- Jue : ตัวเลขที่เราจะแทงครับ เช่น เราเลือก 0 เป็นจุดยึด แสดงว่า เราจะแทงตัวเลข 0 และตัวเลขด้านข้าง 0 ด้วยทั้งหมด ไปทางซ้าย 4 ตัว และขวา 2 ครับ ตำแหน่งของสีเขียวสดนี้ เป็นตำแหน่งที่ควรเล่นมากที่สุด หากแทงถูกขึ้นมา กำไรเยอะมากๆแน่นอน
- Voisins du Zero : อันนี้เป็นตำแหน่งสีเขียวแก่ เพื่อนบ้านของศูนย์นั่นเอง ใกล้เคียง 0 หากคุณอยากแทงเพิ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสการถูกก็อาจจะเล็งตำแหน่งตัวเลขที่อยู่ใน สีเขียวแก่นี้ด้วยก็ได้ หากคุณถูกก็จะได้กำไรมากอยู่ แต่ก็น้อยกว่าเล็งแค่ในพื้นที่เขียวสด
- Orphelins : คือตำแหน่งที่ละไว้ ไม่ต้องแทงครับ เพราะมีโอกาสน้อย
- Tiers du Cylindre : คือ ตำแหน่งตรงข้ามของที่เราเล็งจะแทง
ทิ้งท้าย
เป็นยังไงกันบ้าง สำหรับ รูเล็ต ยุโรป มีวิธีการเล่นที่ง่ายมากใช่มั้ยครับ โดยเสน่ห์ของรูเล็ตคือ มีการเดิมพันที่หลากหลาย เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกท่าน หรือนักเดิมพัน ได้นำการเดิมพันที่หลากหลายนี้ ไปประยุกใช้จนกลายเป็นสูตรต่าง ๆ หากเพื่อนๆ อยากทำความรู้จักกับรูเล็ตมากขึ้น สามารถอ่านหรือศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ รีวิวรูเล็ต ได้ครับ
และสุดท้าย อย่าลืม กดกระดิ่งสีแดง 
ที่มุมขวาล่างเพื่อรับการแจ้งเตือนบทความใหม่ๆ ก่อนใคร หรือ อยากจะติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแอด Line : Stakehow 
เพื่อมาพูดคุยกันได้ครับ