สวัสดีครับท่านผู้ติดตาม Stakehow ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาพูดถึง กติกา blackjack และเทคนิคพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น ถ้าพูดถึงการเล่นไพ่ที่ได้รับความนิยม และมีกติกาการเล่นเป็นสากล อาจจะทำให้คุณนึกถึงไพ่หลายประเภท แต่เชื่อว่าถ้าพูดถึงเกมไพ่ 21 แต้มขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณจะรู้ได้ทันทีว่านั่นคือไพ่ แบล็คแจ็ค ซึ่งถือว่าเป็นเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมจนติดอันดับของ 1 ใน 3 เกมไพ่ที่ผู้เล่นพนันทั่วโลกชื่นชอบที่สุด ถ้าคุณสนใจเกมไพ่แบล็คแจ็ค คุณสามารถตามดูรายละเอียดของไพ่แบล็คแจ็ค ได้จากบทความด้านล่างนี้ครับ
blackjack หรือไพ่แบล็คแจ็ค คืออะไร
เมื่อก่อนแบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมมากในคาสิโนฝั่งยุโรป เพราะเป็นเกมที่สนุกสนานมากเวลาเล่น นอกจากนี้การเล่นของไพ่ก็เข้าใจง่าย เพียงแค่ท่านมีไพ่ในมือแต้มใกล้เคียง หรือเท่ากับ 21 แต้ม ที่เป็นแต้มสูงสุด ก็จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ในปัจจุบันนี้ในเว็บคาสิโนออนไลน์ได้เปิดให้บริการเกมไพ่แบล็คแจ็คนี้แล้ว ทำให้สะดวกสบาย และเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งทำให้เกมนี้ยิ่งได้รับความนิยมในประเทศไทยบ้านเราด้วยในขณะนี้
กติกา blackjack และเทคนิคพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
สำหรับ กติกา blackjack กติกาในการเล่นนั้น จะใช้ไพ่ทั้งหมด 6 สำรับ เริ่มจากการแจกไพ่ฝั่งละสองใบ ในฝั่งผู้เล่นก่อน ส่วนเจ้ามือจะเป็นคนสุดท้าย เมื่อเจ้ามือได้ทำการแจกไพ่ครบแล้ว ทุกท่านสามารถจั่วไพ่ได้เรื่อยๆ ไม่จำกัด โดยจั่วไปจนกว่าท่านจะได้แต้มที่พอใจ
แต่ถ้าแต้มเกิน 21 ก็จะจบเกมทันที (เพราะถ้าแต้มเกิน 21 แล้วจะถือว่าแพ้จะหมดสิทธิ์ในการจั่วไพ่ทันที ) โดยเกมไพ่แบล็คแจ็ค เป็นเกมไพ่ที่ผู้ชนะจะต้องมีแต้มไพ่เท่ากับ 21 แต้ม หรือใกล้เคียงมากที่สุด แต่ถ้าเกินกว่านั้นก็จะถือว่าแพ้ทันที
ถ้าผู้เล่นที่เคยเล่นไพ่บาคาร่ามาก่อนแล้ว จะถือว่าไม่ยากเลยแถมยังเพิ่มความน่าตื่นเต้นความสนุกมากขึ้นไปอีกด้วย ส่วนกติกาการนับแต้มของไพ่ เราจะไปดูกันในหัวข้อต่อไป
วิธีการนับแต้ม blackjack (แบล็คแจ็ค)
สำหรับการนับแต้มไพ่ แบล็คแจ็ค จะต่างจากพวกไพ่อื่น ๆ ที่ใช้แค่หลักหน่วยเป็นตัวชี้ขาด สิ่งสำคัญในการวัดว่าใครแพ้หรือชนะคือแต้มรวมของไพ่ทั้งหมดในมือ ผู้ชนะคือคนที่รวมแต้มแล้วได้ 21 แต้มหรือใกล้เคียงที่สุด ส่วนคนที่ได้แต้มน้อยกว่าหรือว่ารวมแต้มแล้วเกิน 21 แต้มก็จะเป็นผู้แพ้ทันที ว่าแล้วเรามาดูแต้มไพ่กันดีกว่าครับว่าไพ่แต่ละใบมันมีกี่แต้ม จะได้ไม่พลาดกัน
- ไพ่ A (Ace) เป็นไพ่เดียวที่มีสองค่าแล้วแต่ว่าจะไปอยู่กับไพ่ใบไหน หากไปอยู่ร่วมกับไพ่ 10, J, Q หรือ K ก็จะทำให้มีค่าเป็น 11 แต้ม และทำให้ติดแบล็คแจ็คทันที แต่ถ้าไปอยู่กับพวกไพ่หน้าแต้ม 2-9 ไม่ว่าจะดอกไหนก็มีค่าแค่ 1 แต้มเท่านั้น
- ไพ่หน้าแต้ม 2-9 เป็นกลุ่มไพ่ที่มีค่าเท่ากับหมายเลขหน้าแต้ม
- ไพ่หน้า 10 , J , Q และ K ทั้งสี่ใบนี้จะมีค่าเท่ากันคือ 10 แต้ม
คำศัพท์ที่ถูกใช้ภายในเกม blackjack
อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้วิธีการเล่น และกติกา คือเรื่องของคำศัพท์ที่มักจะถูกใช้ภายในเกมไพ่แบล็คแจ็คมากที่สุด ยิ่งถ้าคุณเล่นกับคาสิโนออนไลน์ด้วยแล้ว คุณยิ่งต้องรู้คำศัพท์เหล่านี้ว่ามีความหมายอย่างไร เพราะถือว่าเป็นศัพท์สากลที่ถูกใช้ภายในคาสิโนกันมาอย่างยาวนาน เมื่อคำศัพท์เหล่านี้เกิดขึ้นผู้เล่นพนันจะรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ใด ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับศัพท์ไพ่แบล็คแจ็ค ดังนี้
1. Hit
คือการจั่วไพ่เพิ่ม หากผู้เล่นกดปุ่ม Hit จะทำให้ผู้เล่นได้รับไพ่มาเพิ่มอีก 1 ใบเพื่อเพิ่มแต้มในมือของผู้เล่นให้เข้าใกล้ 21 แต้มมากขึ้นกว่าเดิม โดยในกรณีนี้ไพ่ของผู้เล่นจะต้องมีแต้มน้อยกว่า 21 แต้ม ผู้เล่นจึงจะสามารถเลือกที่จะเพิ่มไพ่ได้
ส่วนไพ่ของเจ้ามือ มีข้อจำกัดไว้ในกรณีที่ไพ่ทั้ง 2 ใบของเจ้ามือเท่ากับ 16 แต้มหรือต่ำกว่า 16 แต้ม ซึ่งเจ้ามือจำเป็นต้องจั่วไพ่ แต่หากไพ่ของเจ้ามือเท่ากับ 17 แต้ม หรือมากกว่า 17 แต้ม ก็จะไม่สามารถจั่วไพ่ได้อีกครับ
2. Stand
คือการพัก หรือการขอหยุดไพ่เพราะได้แต้มที่น่าพึงพอใจแล้ว หรือคุณได้แต้มครบ 21 แบบจั่วไพ่หลายใบคุณจึงทำการขอ Stand สำหรับความหมายของพนันไทยอาจจะหมายถึงการอยู่ หรือการพอแล้วนั่นเอง
3. Double Down
เป็นรูปแบบของการเพิ่มวงเงินเดิมพันให้มากขึ้น โดยจะเป็นการวางเดิมพันหลังจากการแจกไพ่จนครบ 2 ใบรอบวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้ามั่นใจว่าไพ่มีคะแนนที่ดี สามารถชนะเจ้ามือได้ ก็จะเพิ่มวงเงินเดิมพันให้สูงขึ้นได้ โดยการเพิ่มวงเงินเดิมพันนั้นสามารถเพิ่มได้สูงถึง 2 เท่าของยอดเงินที่ลงในครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งหลังจากกด Double Down แล้วดีลเลอร์จะแจกไพ่เพิ่มให้อีกเพียง 1 ใบเท่านั้นครับ
4. Split
คือการขอเจ้ามือแยกไพ่ออกเป็น 2 ขา ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากกรณีที่ไพ่ 2 ใบแรกมีแต้มเท่ากัน แต่ถ้าคุณมีแต้มอื่นที่ไม่ใช่แต้มเท่ากันแต่ต้องการจะ Split หรือแยกให้ออกเป็น 2 ขา ก็สามารถทำได้เช่นกัน เมื่อแยกไพ่ออกแล้วจะกลายมาเป็นไพ่ 2 ชุดที่คุณสามารถเรียกไพ่ได้อย่างไม่อั้นจนกว่าจะครบ 21 แต้ม หรือได้แต้มที่ใกล้เคียงกับแต้ม 21 ทั้ง 2 ชุด ได้เช่นกัน
5. Surrender
คือการหมอบ เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าไพ่ในมืออาจจะแพ้ให้กับเจ้ามือ หรือเป็นไพ่ที่แต้มเกินไปกว่า 21 แล้วซึ่งไม่มีทางที่จะชนะได้ คุณสามารถทำ Surrender ได้ทันที เพื่อเป็นการทำให้คนทั้งวงรู้ว่าคุณยอมแพ้แล้วนั่นเองครับ
6. Insurance
คือรูปแบบของการประกันเงินเดิมพันไม่ให้สูญเสียไปทั้งหมด มักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เล่นรู้สึกว่าทางฝ่ายเจ้ามือน่าจะมีโอกาสแบล็คแจ็คได้มากกว่า เพราะการเล่นแบล็คแจ็คส่วนใหญ่แล้วเจ้ามือมักจะเป็นผู้ที่ต้องเปิดไพ่ 1 ใบเพื่อลุ้นผล การเปิดไพ่นี้จะต้องเปิดให้คนทั้งโต๊ะได้เห็น
ซึ่งถ้าเปิดออกมาเป็นไพ่ที่จะทำให้ได้ลุ้นว่าอาจจะได้ 21 แต้ม ผู้เล่นสามารถทำการ Insurance หรือซื้อประกันภัยแบล็คแจ็คได้ทันที เมื่อประกันแล้วถ้าทางฝ่ายของเจ้ามือเกิดแบล็คแจ็คขึ้นมาจริง คุณจะได้เงินคืนแบบเต็มจำนวนที่ประกันไว้ แต่ถ้าเจ้ามือไม่แบล็คแจ็คคุณก็จะเสียเงินเดิมพันนั้นไปทั้งหมด
รูปแบบการวางเดิมพันไพ่ blackjack
สำหรับการวางเดิมพันของ blackjack ไพ่แบล็คแจ็คนั้น คุณสามารถเลือกที่จะทำการวางเดิมพันได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 21+3 , Perfect Pair และ Bet Behind ผมจะมาอธิบายการเดิมพันแต่ละรูปแบบอย่างละเอียดให้คุณนั้นเข้าใจมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1. การวางเดิมพันแบบ Perfect Pair
คือ การวางเดิมพันที่ทำให้ท่านนั้นมีโอกาสชนะเพียงแค่ใช้ไพ่ 2 ใบแรกเท่านั้น โดยที่ไพ่ 2 ใบแรกของท่านจะต้องเป็นไพ่คู่ ยกตัวอย่างเช่น ไพ่ 3-3 , ไพ่ 4-4 , ไพ่ 5-5 หรือ ไพ่ 10-10 เป็นต้น
2. การวางเดิมพันแบบ 21+3
คือการที่ไพ่ในมือของท่านนั้นมีโอกาสที่จะเกิดการตองเหมือน , สเตรทฟลัช , ตอง , สเตรท หรือฟลัช และหากคุณสามารถที่จะชนะในรูปแบบที่พูดมานี้ได้ คุณจะได้รับอัตราการจ่ายที่เยอะมาก ดังนี้
- ตองเหมือน คือการที่มีไพ่ 3 ใบเหมือนกัน และดอกไพ่ต้องเหมือนกันทั้งหมดทุกใบ ยกตัวอย่างเช่น ได้ไพ่ 2 ข้าวหลามตัด ทั้ง 3 ใบ
- สเตรทฟลัช คือการเรียงกันตามลำดับ และมีไพ่ดอกเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น 2 , 3 , 4 ข้าวหลามตัด เป็นต้น
- ตอง คือการที่มีไพ่ 3 ใบนั้นเหมือนกัน แต่สามารถมีสี และดอกที่ต่างกันได้ ยกตัวอย่างเช่น 5 โพดำ , 5 ดอกจิก และ 5 ข้าวหลามตัด ซึ่งไพ่ทั้ง 3 ใบนั้นมีสีต่างกัน และดอกต่างกันนั่นเองครับ
- สเตรท คือไพ่ในมือนั้นเรียงกันตามลำดับ แต่สามารถมีสี และดอกของไพ่แตกต่างกันได้ ยกตัวอย่างเช่น 3 โพแดง , 4 ดอกจิก , 5 โพดำ เป็นต้น
- ฟลัช คือการที่ไพ่ในมือนั้นมีดอกเดียวกันทั้งสามใบ ยกตัวอย่างเช่น 10 โพแดง , 5 โพแดง , 9 โพแดง
3. การวางเดิมพันแบบ Bet Behind
คือการเดิมพันตามผู้เล่นคนอื่น นั่นก็คือ คุณนั้นจะสามารถอ้างอิงการชนะจากไพ่ของผู้เล่นคนอื่นได้ แต่คุณสามารถกำหนดเงินเดิมพันได้เอง และไม่สามารถบอกให้ผู้เล่นนั้นจั่วไพ่เพิ่ม หรือหยุดเรียกไพ่เพิ่มได้ นั้นก็คือ หากคุณได้วางเดิมพันตามใครแล้ว คุณจะไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเลย นอกจากการวางเดิมพันนั่นเอง
สอนเล่นแบล็คแจ็ค ในคาสิโนออนไลน์
แบล็คแจ็คเป็นเกมคาสิโนออนไลน์ที่หลายคนนิยมเล่นเป็นอย่างมากทำให้เว็บคาสิโนออนไลน์ต่างๆ ได้นำเกมนี้เข้ามาให้บริการ แต่สำหรับท่านใดที่ยังไม่ทราบว่าจะเลือกเล่นเกมรูเล็ตออนไลน์กับเว็บไซต์ไหนดี วันนี้ผมได้ทำการคัดเลือกมา 5 เว็บไซต์ที่น่าสนใจ มีคุณภาพ และมีความน่าเชื่อถือมาให้ท่านได้เลือกสมัครสมาชิกเล่นกัน ดังนี้ครับ
- ALPHA88 รีวิวเว็บ ALPHA88
- NEXT88 รีวิวเว็บ NEXT88
- W88 รีวิวเว็บ W88
- QQ288 รีวิวเว็บ QQ288
- FUN88 รีวิวเว็บ FUN88
ส่วนการอธิบายวิธีการเล่นเดิมพันเกมแบล็คแจ็คในวันนี้ ผมจะขอนำเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง ALPHA88 มาเป็นตัวอย่าง หากท่านใดที่สนใจอยากลองสมัครสมาชิกเล่นกับเว็บ ALPHA88 สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลยครับ สมัครสมาชิก Alpha88
ขั้นตอนการเข้าเล่นเกมแบล็คแจ็คออนไลน์ ALPHA88
1. ขั้นตอนแรกให้ท่านกดเพื่อล็อคอิน โดยคลิก เข้าสู่ระบบ (กรอบสีเขียว) ตรงบริเวณมุมขวาบน
2. จากนั้นกรอก ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และคลิก เข้าสู่ระบบ (กรอบสีเขียว) ได้เลยครับ
3. เมื่อล็อคอินเข้าสู่ระบบมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปให้ท่านคลิกที่คำว่า คาสิโน (กรอบสีเขียว) ตรงแถบเมนูด้านบน เพื่อเข้าสู่โหมดเกมคาสิโน และเมื่อท่านคลิกเข้ามาแล้วจะเห็นว่าทางเว็บไซต์ ALPHA88 นั้นมีแบรนด์คาสิโนออนไลน์ให้ท่านเลือกเล่นอยู่ทั้งหมด 4 แบรนด์ด้วยกัน คือ
- PT คาสิโน
- GPI คาสิโน
- SEXY BACCARAT
- MGS คาสิโน
โดยท่านสามารถเลือกคลิกเข้าไปเล่นแบรนด์ใดก็ได้ตามที่ท่านต้องการเล่นเดิมพัน ส่วนการอธิบายในวันนี้ผมขอนำแบรนด์ PT คาสิโน (กรอบสีแดง) มาเป็นตัวอย่างนะครับ
4. เมื่อคลิกเข้ามาแล้วท่านจะเห็นว่ามีเกมคาสิโนให้ท่านเลือกเล่นอยู่หลายเกม ขั้นตอนต่อไปให้ท่านมองหาเกมที่มีชื่อว่า BLACKJACK (กรอบสีเขียว) เมื่อหาเจอแล้วให้คลิกเข้าไปได้เลยครับ ซึ่งจะมีห้องเดิมพันให้ท่านเลือกเล่นมากมาย ให้ท่านตัดสินใจ เลือกห้องเดิมพัน (กรอบสีแดง) ได้ตามที่ต้องการเลยครับ
เทคนิคในการเล่น BlackJack
เมื่อคุณเรียนรู้วิธีการเล่นแบล็คแจ็ค และเข้าใจกติกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องต่อมาที่คุณควรรู้คือการบริหารความเสี่ยง เพื่อทำให้การเล่นแบล็คแจ็คของคุณทำเงินได้ง่าย ปลอดภัย และไม่ผิดพลาดมากจนเกินไป โดยวิธีบริหารความเสี่ยงมีดังต่อไปนี้
รู้จังหวะการจั่วไพ่เพิ่ม และการพักหรือหยุดไพ่
เป้าหมายสำคัญในการเล่นไม่ได้อยู่ที่การทำแต้มให้ได้ 21 แต้ม แต่เป็นการเอาชนะเจ้ามือให้ได้ด้วยแต้มที่เยอะกว่าเท่านั้นเอง ดังนั้นทันทีที่ได้รับไพ่มาจะต้องดูก่อนว่าแต้มรวมของไพ่นั้นเป็นอย่างไร หากอยู่ระหว่าง 0-11 แต้ม ให้จั่วไพ่เพิ่ม แต่ถ้าอยู่ระหว่าง 12-15 ให้ดูก่อนว่าไพ่หงายของเจ้ามือเป็นแต้มสูงหรือต่ำ หากเป็นไพ่ต่ำที่มีแต้มระหว่าง 2-6 เท่ากับว่าอีกฝ่ายมีโอกาสจะทำแต้มเกิน 21
เนื่องจากต้องจั่วไพ่เพิ่มไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้มากกว่า 17 แต้ม ตรงนี้ให้เราพัก หรือหยุดรับไพ่แต่ถ้าเป็นไพ่สูง 7-10 แต้ม ก็มีโอกาสที่เราจะแพ้ให้เจ้ามือ หลักการในการจำง่ายๆ คือ ถ้าไพ่ในมือต่ำกว่า 11 แต้มให้จั่วไพ่เพิ่ม ถ้ามากกว่า 16 ให้หยุดไพ่
รู้ว่าควร การประกันเงินเดิมพันไม่ให้สูญเสียไปทั้งหมด ตอนไหน
การประกันเดิมพันเป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่นับไพ่ไม่เป็น หรือไม่มีการใช้เทคนิคใด ๆ ในการเล่น เงื่อนไขสำคัญก็คือไพ่ในมือต้องไม่มีโอกาสติด 21 แต้ม เพราะถ้าเรามีโอกาสชนะเจ้ามือด้วยแต้มที่เหนือกว่า หรือว่าชนะด้วย 21 แต้มได้ การวางประกันเดิมพันก็ไม่ต่างจากการเอาเงินไปทิ้งโดยเปล่าประโยน์ เพราะเราต้องวางเงินประกันเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของเดิมพัน และถ้าชนะจะได้รับเงินเพียงครึ่งเดียว ดังนั้นหากแต้มต่ำกว่า 16 ก็ให้ทำการประกันจะดีกว่า
เมื่อมีโอกาสไม่ควรพลาด ที่จะเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่า
การเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่า ถือเป็นอีก 1 วิธีที่จะช่วยให้เรามีกำไรมากขึ้น แต่มันก็มีเงื่อนไขในการทำ เพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าอยู่เหมือนกัน หากไพ่ฝั่งเจ้ามือเป็นไพ่ต่ำที่มีแค่ 2-6 แต้ม นั่นเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มเงินเดิมพันเข้าไป แต่ถ้าเป็นไพ่สูงอย่าง 9-11 แต้ม การเพิ่มเงินเดิมพันจะกลายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองทันที เพราะเจ้ามืออาจทำแต้มสูงกว่าเดิมได้จากการจั่วไพ่เพิ่ม
แยกไพ่คู่ให้ถูกคู่
การแยกไพ่คู่ หรือ Split เป็นอีกเรื่องที่สำคัญและควรที่จะระวังมาก ๆ เพราะคาสิโนออนไลน์บางแห่งเราสามารถแยกไพ่ได้ทุกคู่ แต่ตามกฎมาตรฐานสากลแล้วเราจะแยกได้เฉพาะไพ่คู่ AA และ 88 เท่านั้น และหลังจากแยกแล้วก็ต้องเพิ่มเงินเดิมพันลงไปในขาที่แยก ซึ่งการแยกไพ่คู่นั้นก็จะช่วยให้เรามีโอกาสชนะมากขึ้น เพราะหากไพ่ขาหนึ่งแพ้ ก็ยังได้ลุ้นอีกขาที่เหลือ